กรรมฐาน ใช้หนี้ข้าวและน้ำนมแม่ได้ดีที่สุด และกรรมฐานเป็นบุญเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับผู้ที่ฆ่าตัวตายจะได้รับ บุญอื่นส่งไม่ถึง
เจริญพระกรรมฐาน จะทำให้ชีวิตรุ่งเรือง วัฒนาสถาพร และจะรุ่งเรืองต่อไปถึงลูกหลาน การบำเพ็ญจิตภาวนาตามแนวสติปัฏฐาน 4 ของพระพุทธเจ้าของเรานี้ วิธีปฏิบัติเบื้องต้นต้องยึดแนวหลักสติเป็นตัวสำคัญ การเจริญสติปัฎฐาน 4 ทางสายเองของพระพุทธเจ้านี้ ถ้าทำได้
1. ระลึกชาติได้จริง ระลึกได้ว่าเคยทำอะไรดี อะไรชั่วมาก่อน ไม่ใช่ระลึกว่าเคยเป็นผัวใครเมียใคร
2. รู้กฎแห่งกรรม จะได้ใช้หนี้เขาไปโดยไม่ปฎิเสธทุกข้อหา
3. มีปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิต ไม่ใช่ไปหาพระรดน้ำมนต์ ไปหาหมอดู
กรรม หมายถึง การกระทำของเรา ซึ่งมีทั้งกรรมดี (กุศลกรรม) และกรรมชั่ว (อกุศลกรรม)
วิบากกรรม หมายถึง ผลของกรรมที่ได้กระทำเอาใว้ ซึ่งจะส่งผลทั้งดีและร้ายตามที่เราได้ทำกรรมดีหรือกรรมชั่วเอาใว้
หากเราทำกรรมไม่ดีไว้ควรทำอย่างไร พอสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1. ตัดกังวล เลิกคิด เลิกเศร้าเสียใจ เลิกจิตตก ไม่มีใครไม่เคยทำผิด แต่ทำผิดแล้วสำนึกได้และไม่ทำอีก สำคัญกว่า
2. ปฏิบัติตามแนว ทาน ศีล ภาวนา (ทานทำให้รวย ศีลทำให้สวย ภาวนาทำให้มีปัญญาดี)
– ทาน ให้เพื่อลดกิเลสในตัว ทั้งความโลภและความโกรธ จะมีพรหมวิหาร 4 มากขึ้น (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)
– ถือศีล 5 เพื่อรักษากาย วาจา ให้ปกติ ไม่ให้พลาดไปทำผิด เพราะธรรมชาติของใจคนจะไหลลงที่ต่ำได้ง่ายกว่าขึ้นที่สูง ศีลเป็นทางนำให้เกิดสมาธิ นำไปสู่การเกิดปัญญา
– เจริญภาวนา เพื่อให้ได้ปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริงของรูปนาม คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (ไตรลักษณ์) และ อสุภะ (สิ่งที่ไม่สวย ไม่งาม เช่น ซากศพ) ทั้งสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน
กรรมฐาน ทำได้โดยตั้งใจมั่น ไม่เสียสตางค์ แก้กรรมได้โดยตรง มีผลมากที่สุด เป็นบุญใหญ่ที่สุด บุญที่ได้จากกรรมฐาน ได้ทั้งตัวเอง และสามารถอุทิศแผ่เมตตาให้บุคคลอื่นๆ ได้ ทำให้ทุกชีวิตดีขึ้น